2024-01-22
เทคนิคเลี้ยงปลาในฤดูร้อน
ถ้ากล่าวถึงฤดูร้อน เราจะนึกถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าว แสงแดดที่แผดเผา ไอร้อนจากผิวดินและผิวน้ำ เหงื่อที่ไหลริน ดังนั้นผู้คนในเมืองกรุงจึงเข้าไปเบียดเสียดในห้างสรรพสินค้า และทำกิจกรรมที่ไม่หนักมากนัก สัตว์น้ำจำพวกปลาก็เช่นกัน เมื่ออยู่ในแหล่งน้ำที่มีพื้นที่จำกัด อุณหภูมิที่สูงขึ้น แออัดไปด้วยจำนวนปลา จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวบางอย่างทั้งในตัวปลา และการช่วยจากผู้เลี้ยงปลา เพื่อให้ปลาสามารถปรับตัวและอยู่ได้อย่างปกติ
ปลาเป็นสัตว์เลือดเย็นต่างจากร่างกายมนุษย์ที่เป็นสัตว์เลือดอุ่นโดยที่อุณหภูมิในร่างกายปลาจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิในแหล่งน้ำที่อาศัย ปลาที่เลี้ยงเชิงธุรกิจในประเทศไทยจะเป็นปลาอาศัยในเขตร้อน เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาสลิด เป็นต้น ซึ่งช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยงปลาเหล่านี้คือ 25-30 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูร้อนจะมีปัจจัยที่ทำให้ปลาต้องมีการปรับตัว ดังนี้
- อุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นจะมีกระบวนการเมทาบอลิซึม(metabolism) สูงขึ้นตามไปด้วย แต่เมื่อปลาที่อาศัยในแหล่งน้ำมีอุณหภูมิสูงเกินกว่าสภาวะที่เหมาะสม ปลาจะเกิดความเครียดจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นในน้ำ ทำให้ปลาต้องปรับสมดุลทางสรีระร่างกายโดยการลดกระบวนการเมทาบอลิซึมในร่างกาย เช่น ว่ายน้ำน้อยลง กินอาหารน้อยลง จนท้ายที่สุดปลาอาจจะต้องหยุดทำกิจกรรมหรือเกิดการตาย นอกจากนี้อุณหภูมิที่สูงเกินกว่าสภาวะที่เหมาะสมมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปลาวัยอ่อนที่ยังปรับตัวตามสภาพแวดล้อมได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับปลาที่โตเต็มวัยแล้ว
- ก๊าซออกซิเจน (O2) เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงขึ้น ออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (dissolved oxygen, DO) จะลดลง มีผลต่อสิ่งมีชีวิตที่ต้องการใช้ก๊าซออกซิเจนในการดำรงชีวิตในน้ำ เช่น ปลา แพลงก์ตอน สาหร่าย พืชน้ำ จุลินทรีย์ที่ก่อโรคและไม่ก่อโรค เป็นต้น ทำให้ค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำได้ลดลง ทำให้ปลาเกิดการขาดก๊าซออกซิเจน และตายได้
- ก๊าซแอมโมเนีย (NH3) เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นปลาจะมีกระบวนการเมทาบอลิซึม ในร่างกายเพิ่มมากขึ้น และกระบวนการทางชีวเคมีในร่างกายที่เกิดขึ้นจะมีการปล่อยของเสียในรูปของสารละลายแอมโมเนียมไอออน (NH4+) ลงในแหล่งน้ำ ซึ่งจะมีผลทำให้คุณภาพน้ำลดลง และทำให้ปลาเกิดความเครียดจากก๊าซแอมโมเนีย นอกจากนี้แพลงก์ตอนพืช และพืชน้ำ จะนำแอมโมเนียที่อยู่ในน้ำไปใช้ในการเจริญเติบโต เมื่อแพลงก์ตอนพืชและพืชน้ำมีจำนวนมากขึ้น จะมีการใช้ก๊าซออกซิเจนร่วมกันกับปลาที่เลี้ยง ซึ่งจะมีผลทำให้ปลา แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ และพืชน้ำเกิดการขาดออกซิเจนในช่วงเวลากลางคืน และอาจเกิดปลาตายในน้ำ เนื่องจากแพลงก์ตอนพืชและพืชน้ำไม่สามารถสังเคราะห์แสงเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำช่วงเวลากลางคืน
สิ่งที่ผู้เลี้ยงปลาควรระวังและปรับวิธีการเลี้ยงในฤดูร้อน มี 3 ข้อหลัก ดังนี้
- จำนวนปลาที่ปล่อยเลี้ยงลงในบ่อหรือกระชัง ควรลดจำนวนลง 10 – 20% ของปริมาณที่ปล่อยในช่วงปกติ เพื่อให้ปลาอยู่โดยไม่แออัด ลดการแย่งก๊าซออกซิเจนในน้ำ และปล่อยของเสียในน้ำน้อยลง
- ปริมาณอาหารที่ให้ควรลดลง 20 - 50% ของปริมาณที่ให้ในแต่ละวัน ถ้าอุณหภูมิน้ำอยู่ที่ 32 – 34 องศาเซลเซียส
- ออกซิเจนที่ละลายน้ำ ควรเปิดเครื่องตีน้ำในช่วงกลางวันที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และ/หรือเปิดเครื่องตีน้ำช่วงกลางคืนถ้าเลี้ยงปลาจำนวนหนาแน่นสูง